การเรียนภาษา ไม่ต้องเรียนทุกอย่าง แต่ต้องรู้วิธีเลือกสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน นี่คือสิ่งที่ Tim Ferriss นักเขียนชื่อดังผู้พูดได้หลายภาษาเขาได้กล่าวเอาไว้
คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมบางคนสามารถพูดได้หลายภาษาในขณะที่หลายคนยังรู้สึกว่าภาษาเดียวก็ยากพอแล้ว? คำตอบไม่ได้อยู่ที่ความสามารถพิเศษ แต่เป็น วิธีการเรียนที่ถูกต้อง และการเน้นสิ่งที่จำเป็นที่สุดก่อน ซึ่งเป็นเทคนิคที่นักพูดหลายภาษาทั่วโลกใช้ร่วมกัน
และการเน้นสิ่งที่จำเป็นที่สุดก่อน ซึ่งเป็นเทคนิคที่นักพูดหลายภาษาทั่วโลกใช้ร่วมกันในบทความนี้ เราจะเจาะลึก 3 เทคนิคหลักที่ Tim Ferriss และผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนภาษาหลายคนแนะนำ เพื่อช่วยให้คุณเรียนภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น และมั่นใจยิ่งขึ้น
เทคนิคที่ 1: Deconstruction (แยกส่วนสำคัญของภาษา)
ผู้พูดหลายภาษามักเริ่มต้นด้วยการแยกโครงสร้างของภาษาออกเป็นส่วน ๆ เพื่อเรียนรู้เฉพาะสิ่งที่จำเป็นที่สุด เช่น:
1.1 โครงสร้างประโยคพื้นฐาน: โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจหลักไวยากรณ์ทั้งหมด แค่รู้วิธีสร้างประโยคบอกเล่า คำถาม และประโยคปฏิเสธ แบบพื้นฐานก่อน เช่น:
- “I work in marketing.” (บอกเล่า)
- “Do you like coffee?” (คำถาม)
- “I don’t have time.” (ปฏิเสธ)
1.2 กริยาที่ใช้บ่อยที่สุด: การเรียนรู้คำกริยาพื้นฐาน เช่น be, have, do, work, help ช่วยให้คุณสร้างประโยคได้หลากหลายและสามารถนำไปใช้งานได้ทันที
1.3 คำศัพท์ที่สำคัญที่สุดในชีวิตประจำวัน: เรียนรู้คำศัพท์กลุ่มที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน เช่น การทักทาย การบอกเวลา หรือคำที่เกี่ยวกับงาน
ตัวอย่างการใช้เทคนิค Deconstruction กับ AI: เราสามารถใช้ AI เช่น ChatGPT ช่วยแนะนำ ด้วยการแยกคำศัพท์หรือ ประโยคที่ใช้บ่อยที่เกี่ยวกับงานของคุณได้ เช่น การเขียนอีเมลโต้ตอบกับลูกค้าหรือคู่ค้า การประชุม หรือ การพูดนำเสนอในโอกาสหรือวาระต่างๆ
เทคนิคที่ 2: Selection (เลือกสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน)
Tim Ferriss แนะนำว่า “การรู้ทุกอย่างไม่ใช่เป้าหมาย การรู้ในสิ่งที่จำเป็นสำหรับเป้าหมายของคุณ คือสิ่งสำคัญ” โดยเทคนิคนี้ จะเน้นที่:
2.1 คำศัพท์ 625 คำแรก: เช่น คำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันและในการทำงาน เช่น client (ลูกค้า), meeting (การประชุม), deadline (กำหนดส่งงาน) เป็นต้น หากอยากรู้ว่าทำไมต้อง 625 คำ อ่านต่อได้ที่นี่ รู้หรือไม่? แค่รู้คำศัพท์พื้นฐาน 625 คำ คุณก็เข้าใจและสื่อสารได้ถึง 80% ในชีวิตประจำวันแล้ว
2.2 สถานการณ์ที่คุณพบเจอบ่อย: เรียนรู้บทสนทนาในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคุณ เช่น:
- การแนะนำตัวในการประชุม: “Good morning, I’m [name], and I’m responsible for [role].”
- การอธิบายงาน: “Our team is working on [project].”
- การสอบถามข้อมูล: “Could you clarify that point?”
2.3 การเน้นเฉพาะสิ่งที่จำเป็นในระยะแรก: ถ้าคุณยังไม่จำเป็นต้องพูดในสถานการณ์ซับซ้อน เช่น การอภิปรายประเด็นทางธุรกิจ หรือ เกี่ยวกับทางวิทยาศาสตร์ ก็สามารถข้ามไปได้ในช่วงเริ่มต้น
ตัวอย่างการใช้เทคนิค Selection กับ AI: เราสามารถใช้ AI เช่น ChatGPT ช่วยวิเคราะห์คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับอาชีพของคุณ พร้อมแนะนำประโยคที่พร้อมใช้งานให้เหมาะกับบริบทและงานของคุณได้
เทคนิคที่ 3: Sequencing (จัดลำดับการเรียนรู้ที่เหมาะสม)
หนึ่งในความลับของผู้พูดหลายภาษาคือการเรียนรู้อย่างเป็นลำดับ โดยเน้นจากง่ายไปซับซ้อน:
3.1 ฟังและเลียนแบบก่อน: ฝึกฟังเสียงและสำเนียงที่ถูกต้องก่อนที่จะเริ่มพูด เช่น การฟังบทสนทนาในชีวิตประจำวันผ่าน AI หรือ ผ่านแอปเรียนภาษา
3.2 พูดทันที: การเริ่มพูดตั้งแต่วันแรก จะช่วยให้คุณสร้างความมั่นใจได้ในทันที และจะมีแรงจูงใจในการเรียนรู้ภาษาอย่างต่อเนื่องได้ เช่น การแนะนำตัวเองหรือการถามคำถามง่ายๆ
3.3 ฝึกอ่านและเขียนในภายหลัง: เมื่อคุณเริ่มคุ้นเคยกับการฟังและพูดแล้ว การเรียนอ่านและเขียนจะง่ายขึ้น และคุณสามารถนำสิ่งที่คุณพูดไปปรับใช้กับการเขียนได้ทันที
ตัวอย่างการใช้เทคนิค Sequencing กับ AI: เราสามารถใช้ AI เช่น ChatGPT ช่วยจำลองสถานการณ์สนทนา และให้คุณพูดตอบกลับแบบโต้ตอบ พร้อมแนะนำการแก้ไขได้ในทันที วิธีการนี้ช่วยติดสปีดในการพัฒนาทักษะภาษาให้กับเราได้
การฝึกภาษาในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ: Less Is More
การเรียนภาษา นักพูดหลายภาษามักจะเน้นแนวคิด “รู้พอใช้” ซึ่งหมายถึงการเรียนเฉพาะสิ่งที่จำเป็นที่สุดเพื่อให้สามารถสื่อสารได้อย่างมั่นใจ:
- คุณไม่จำเป็นต้องพูดได้ “สมบูรณ์แบบ” แต่แค่พูดได้ชัดเจนและเข้าใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ก็เพียงพอ
- การฝึกที่เน้นประสิทธิภาพ เช่น การใช้ AI อย่างเช่น ChatGPT ช่วยแนะนำคำศัพท์หรือโครงสร้างที่คุณต้องการสำหรับเป้าหมายเฉพาะ จะช่วยให้คุณพัฒนาได้เร็วกว่าการเรียนแบบสุ่มหรือแบบทั่วๆ ไป
Case Study: ผู้บริหารที่เปลี่ยนชีวิตด้วยเทคนิคนี้
“คุณอนันต์” ผู้จัดการฝ่ายผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง เคยประสบปัญหาเมื่อต้องรายงานสถานการณ์ในที่ประชุมกับลูกค้าต่างชาติ เขาจึงได้เริ่มฝึกภาษาด้วยเทคนิค DSS – Deconstruction, Selection และ Sequencing
- เขาใช้ AI อย่างเช่น ChatGPT ช่วยค้นหาคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสายงาน เช่นคำว่า “supply chain” และ “production line”
- เขาฝึกพูดประโยคที่ใช้บ่อย เช่น “Our current production capacity is…”
- ภายใน 3 เดือน จากการฝึกฝนด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง เขาสามารถรายงานต่อที่ประชุมได้อย่างมั่นใจและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าและทีมงานได้
บทสรุป
เทคนิคที่ผู้พูดหลายภาษารู้ (แต่คุณอาจยังไม่เคยลอง) เช่น เทคนิค DSS – Deconstruction, Selection และ Sequencing
- ช่วยให้คุณเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง ไม่เสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น
- เพิ่มโอกาสในการพัฒนาทักษะการสื่อสารในสถานการณ์จริง เช่น การทำงานและการเข้าสังคม
- ใช้เวลาเรียนเพียง 15-30 นาทีต่อวัน แต่ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ดังนั้น การเรียนภาษา จึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป


